บริษัท SpaceX ของ Elon Musk ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Starlink เปิดตัวดาวเทียม Direct-to-Cell ดวงแรก เรามาดูกันว่ามันทำงานอย่างไรและมีอนาคตหรือไม่?
ทุกวันนี้ การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมยังคงต้องการอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ เช่น การแลกเปลี่ยนโทรศัพท์ผ่านเครือข่ายอิริเดียมแบบเก่า หากคุณต้องการเพียงข้อความฉุกเฉิน คุณยังสามารถเลือกประเภทการสื่อสารที่กำหนดไว้ได้ Appleแต่ก็มาพร้อมกับความยุ่งยากบางอย่าง เนื่องจากคุณต้องอยู่ในหน้าต่างการเชื่อมต่อ ยกโทรศัพท์ขึ้น และใช้แอปเพื่อกำหนดเป้าหมายสัญญาณดาวเทียม นั่นคือดูเหมือนว่าในทางทฤษฎีคุณสามารถใช้การสื่อสารผ่านดาวเทียมได้ แต่ในทางปฏิบัติก็ยังเป็นปัญหาอยู่
อ่าน: การคาดการณ์ทางเทคโนโลยีในปี 2024: สิ่งที่คาดหวัง?
เปิดตัวกลุ่มดาวดาวเทียมแบบตรงสู่เซลล์ Starlink
SpaceX เพิ่งสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอีกครั้งหนึ่งซึ่งเปิดบทใหม่ของการสื่อสาร นับเป็นครั้งแรกที่มีการส่งดาวเทียม Starlink ชุดหนึ่งขึ้นสู่อวกาศ ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายมือถือได้โดยตรง นี่คือสิ่งที่พบได้จริงสำหรับทุกคนที่ฝันถึงการครอบคลุมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไม่จำกัดบนโทรศัพท์ของตน
หก @สตาร์ลิงค์ ดาวเทียมในภารกิจนี้ที่มีความสามารถ Direct to Cell จะช่วยยกระดับการเชื่อมต่อทั่วโลกและช่วยกำจัดโซนที่ตายแล้ว → https://t.co/FgiJ7LOYdK pictwitter.com/zFy7SrpSYs
- SpaceX (@SpaceX) January 3, 2024
SpaceX ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านนวัตกรรมในการสำรวจอวกาศ ได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่แก่โลก นั่นคือดาวเทียม Starlink ชุดแรกที่สื่อสารโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือ เหตุการณ์สำคัญนี้มีศักยภาพที่จะปฏิวัติวิธีที่เราเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวิธีการแบบเดิมล้มเหลว ดาวเทียมถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรด้วยจรวดฟอลคอน 9
ดาวเทียมขนาดเล็ก Starlink V15 จำนวน 2 ดวงที่เกี่ยวข้องกับภารกิจนี้จะเพิ่มขีดความสามารถเพิ่มเติมให้กับอาร์เรย์วงโคจรต่ำที่มีอยู่ของ SpaceX ซึ่งให้การเข้าถึงบรอดแบนด์ความเร็วสูงไปยังสถานีรับสัญญาณดาวเทียมแบบประจำที่และแบบเคลื่อนที่ซึ่งสร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์เฉพาะ
ดังนั้นดาวเทียม Starlink Direct-to-Cell จึงมุ่งเป้าไปที่การรับรองการส่งข้อความและข้อความเสียง ความครอบคลุมของอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายมือถือตามหลักการ "ทุกที่ที่คุณมองเห็นท้องฟ้า" ขณะเดียวกันก็แสดงพื้นที่ทั้งหมดและครอบคลุมพื้นที่นี้ด้วย
ที่น่าสนใจเช่นกัน: ปืนใหญ่สมัยใหม่คืออาวุธชั้นยอดของยูเครน แล้วทำไมอีลอน มัสก์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
Starlink Direct-to-Cell คืออะไร
Starlink Direct-to-Cell เป็นบริการที่ให้การสื่อสารโดยตรงระหว่างดาวเทียมและโทรศัพท์มือถือ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น ชุดเสาอากาศ Starlink เป็นผลให้ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อความเสียง วิดีโอ และข้อมูลในสถานที่ที่ไม่สามารถทำได้มาก่อน
เป้าหมายหลักของ Direct-to-Cell คือการให้บริการการเชื่อมต่อความเร็วสูงแก่ผู้ใช้ในพื้นที่ห่างไกลและชนบทที่เครือข่ายอื่นประสบปัญหา การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือคาดว่าจะรวดเร็วและเชื่อถือได้มากขึ้น
ดาวเทียม Starlink Internet Direct-to-Cell ดวงแรกเปิดตัวเมื่อวันที่ 3 มกราคม และจะเปิดใช้งานได้ภายในไม่กี่วันข้างหน้า ฟีเจอร์ข้อความจะเปิดใช้งานในปี 2024 ในขณะที่บริการเสียง ข้อมูล และบริการ IOT จะเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ปี 2025
ที่น่าสนใจเช่นกัน: ไต้หวัน จีน และสหรัฐฯ ต่อสู้เพื่อครอบงำทางเทคโนโลยีอย่างไร: สงครามชิปครั้งใหญ่
มันทำงานอย่างไร?
เทคโนโลยี Direct-to-Cell ทำงานร่วมกับโทรศัพท์ LTE ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือในอวกาศ นั่นคือหากเชื่อ SpaceX ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฟนเฟิร์มแวร์และไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมพิเศษเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมบนโทรศัพท์ LTE ซึ่งหมายความว่าบริการจะพร้อมใช้งานในทุกสถานที่ที่มีสัญญาณดาวเทียมที่ใช้งานอยู่ ไม่ต้องการการเชื่อมต่อภายนอกหรืออุปกรณ์พิเศษ
นี่กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Coverage Above and Beyond ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มร่วมกันที่ SpaceX เปิดตัวกับ T-Mobile ในปี 2022 อาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดโปรแกรมก็ได้รับผลตอบแทน SpaceX อธิบาย บนเว็บไซต์ของตนว่าดาวเทียมเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเสาสัญญาณมือถือด้วย "โมเด็ม eNodeB" ในตัว เป้าหมายสูงสุดที่นี่คือการกำจัดโซนที่ตายแล้วอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถ "เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือได้ทุกที่บนโลก" เป็นที่น่าจดจำว่าบริการนี้มีไว้สำหรับพื้นที่ห่างไกลเป็นหลัก
กล่าวคือ ตามที่ระบุไว้ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Starlink ดาวเทียมที่รองรับ Direct-to-Cell มีโมเด็ม eNodeB ขั้นสูงบนเครื่องซึ่งทำหน้าที่เป็นเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือในอวกาศ ช่วยให้สามารถบูรณาการเครือข่ายได้คล้ายกับพันธมิตรโรมมิ่งมาตรฐาน ดาวเทียมตรงสู่เซลล์ เมื่ออยู่ในวงโคจร จะเชื่อมต่อกับดาวเทียม Starlink ที่เหลือทันทีโดยใช้ระบบเลเซอร์
ดังที่คุณอาจเดาได้ พันธมิตรของ SpaceX ในโครงการอันยิ่งใหญ่นี้คือ T-Mobile เธอคือผู้ที่จะทำการทดสอบ 180 วันกับอุปกรณ์ทดสอบ 2000 เครื่อง โดยส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา สัญญาณ Direct-to-Cell ของ Starlink จะใช้คลื่นวิทยุ 1910-1915 MHz และ 1990-1995 MHz ซึ่งหมายความว่าโทรศัพท์ T-Mobile ส่วนใหญ่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันควรจะสามารถรับได้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
การเชื่อมต่อจะพร้อมใช้งานในพื้นที่ห่างไกลที่เปิดตัว Starlink ผู้ที่ใช้ Starlink Direct-to-Cell จะมีบริการโทรศัพท์มือถือในประเทศพันธมิตรทั้งหมด เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และชิลี ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้ตัวเลือกการเชื่อมต่อโดยตรงจะสามารถเข้าถึงทั่วโลกซึ่งกันและกันในประเทศหุ้นส่วน ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ระบบดาวเทียม Starlink สามารถรวมเข้ากับเครือข่ายมือถือของบริษัทโทรคมนาคมที่เป็นพันธมิตรได้ คล้ายกับสัญญาโรมมิ่งมาตรฐาน ดาวเทียม Starlink จะใช้พันธมิตรโทรคมนาคมหลายรายเพื่อให้บริการในประเทศของตน
ดังที่ Elon Musk ซีอีโอของ SpaceX ระบุไว้ใน X (แพลตฟอร์มเดิมชื่อ Twitter) หอคอยอวกาศ Starlink ไม่สามารถแข่งขัน "กับเครือข่ายเซลลูล่าร์ภาคพื้นดินที่มีอยู่" ในระดับเดียวกันได้ นั่นคือมันจะดีแต่ไม่มาก
ซึ่งจะช่วยให้สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือได้ทุกที่บนโลก
โปรดทราบว่าสิ่งนี้รองรับเพียง ~7Mb ต่อลำแสงและลำแสงมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นแม้ว่านี่จะเป็นโซลูชันที่ยอดเยี่ยมสำหรับสถานที่ที่ไม่มีการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ไม่สามารถแข่งขันกับอุปกรณ์ภาคพื้นดินที่มีอยู่ได้อย่างมีนัยสำคัญ... https://t.co/ymHpw8XBHl
- Elon Musk (@elonmusk) January 3, 2024
ที่น่าสนใจเช่นกัน: OneWeb และ Starlink แตกต่างกันอย่างไร
ขั้นตอนการทดสอบ
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า T-Mobile จะทดสอบบริการที่ศูนย์ดาราศาสตร์วิทยุในเวสต์เวอร์จิเนียและนิวเม็กซิโกเพื่อดูว่าทำให้เกิดการรบกวนหรือไม่ นักดาราศาสตร์บางคนอาจกังวลกับข้อเท็จจริงที่ว่า ตามข้อมูลของ SpaceX "ดาวเทียม 2 ดวงแรกของกลุ่มดาวตรงสู่เซลล์ Starlink จะสว่างกว่า Starlink VXNUMX Mini รุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย" อย่างไรก็ตาม SpaceX รับรองว่าพวกเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้ดาวเทียมในอนาคตหรี่ลงเล็กน้อย
ทุกอย่างจะเริ่มต้นจากเล็กๆ ความสามารถในการส่งข้อความจะปรากฏขึ้นในปีนี้ จากนั้นในปี 2025 ผู้ใช้จะสามารถโทรออก ส่งข้อมูล และเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT (Internet of Things) เช่น นาฬิกาอัจฉริยะ เข้ากับบริการได้ นั่นคือถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทั้งสองบริษัทต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายตลอดเส้นทาง ดาวเทียมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ออกแบบและสร้างได้ยากเท่านั้น แต่หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลยังชะลอกระบวนการอีกด้วย
SpaceX และ T-Mobile เดิมมีแผนจะทดสอบการเชื่อมต่อระยะไกลของ Starlink รุ่นเบต้าในปี 2023 เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น อาจเนื่องมาจากรอการอนุมัติโครงการจาก FCC (Federal Communications Commission) ในที่สุด เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Federal Communications Commission (FCC) ได้อนุญาตให้ SpaceX ทดสอบดาวเทียมสื่อสารโดยตรงของตน พวกเขามีเวลา 180 วันในการทำการทดสอบ ดังนั้นเราควรเห็นการทดสอบเริ่มต้นเร็วๆ นี้ แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าเมื่อใดก็ตาม และไม่รู้ว่าจะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมหรือไม่
ที่น่าสนใจเช่นกัน: ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เราเรียกว่า AI คือปัญญาประดิษฐ์ นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรสำหรับอนาคต
อนาคตของโครงการริเริ่มนี้ดูสดใสทีเดียว ดร. Sara Spangelo ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมดาวเทียมของ T-Mobile กล่าวว่า "บริษัทวางแผนที่จะขยายโครงการอย่างรวดเร็วไปยังพันธมิตรทั่วโลก" ปัจจุบัน SpaceX กำลังทำงานร่วมกับบริษัทโทรคมนาคมในแคนาดา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และบริษัทอื่นๆ เพื่อเปิดตัวบริการดังกล่าวในประเทศเหล่านั้น การเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือโดยตรงจะไม่ผูกขาดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่ดูเหมือนว่าผู้ใช้จะได้รับก่อน
SpaceX ไม่ใช่บริษัทเดียวที่มีแนวโน้มจะสื่อสารผ่านดาวเทียมผ่านโทรศัพท์มือถือทั่วไป โครงการ Kuiper ของ Jeff Bezos ถูกกำหนดให้เป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ Starlink ดาวเทียมต้นแบบดวงแรกกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบ และคาดว่าเวอร์ชันที่ใช้งานจริงจะเข้าร่วมวงโคจรเร็วๆ นี้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในสหรัฐฯ เอทีแอนด์ที กำลังทดสอบการสื่อสารด้วยเสียงและข้อมูลผ่านดาวเทียมโดยใช้โทรศัพท์ที่ไม่มีการดัดแปลง โดยใช้ดาวเทียมซีรีส์ AST SpaceMobile รุ่นแรกในวงโคจรโลกต่ำ
โครงการ Starlink Direct-to-Cell จะประสบความสำเร็จหรือไม่ มีหลายปัจจัยที่สามารถมีอิทธิพลต่อสิ่งนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบุคคลของ Elon Musk เขาคือผู้ที่ทำให้เกิดความกังวลมากที่สุด มหาเศรษฐีผู้แปลกประหลาดได้พิสูจน์แล้วว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จได้ในเวลาเดียวกัน โปรเจ็กต์ของเขาในระยะเริ่มแรกดูมีแนวโน้มดีเสมอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป มัสก์เริ่มเบื่อและเขาก็เปลี่ยนไปใช้อย่างอื่น
อย่างไรก็ตาม SpaceX พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่ามีความเป็นไปได้ที่จะก้าวไปให้ไกลกว่าที่เป็นไปได้ ดาวเทียมส่งตรงสู่เซลล์ไม่ได้เป็นเพียงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นคำมั่นสัญญาถึงวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า ซึ่งเราแต่ละคนสามารถเชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ของโลกได้ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ นี่คือจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในการสื่อสารผ่านดาวเทียม และเราหวังว่าจะได้สานต่อเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นนี้ต่อไป
ที่น่าสนใจเช่นกัน: